Sidegra ซิเดกร้า หรือ ไวอากร้าไทย

ความเป็นมาของซิเดกร้า (Sidegra) หรือไวอากร้าสายพันธุ์ไทย

หลายท่านอาจรู้จักยาไวอากร้าในฐานะที่เป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศกันแล้ว ตัวยาในไวอากร้า คือ ซีเดนาฟีล ที่บริษัทไฟเซอร์เป็นเจ้าของสิทธิบัตรในประเทศไทย ไวอากร้าจึงมีราคาสูงมาก กล่าวคือ 4 เม็ด สนนราคาอยู่ที่ 2,000 บาท ทำให้เกิดปัญหายาปลอมระบาด

ทว่าต่อมาสิทธิบัตรของบริษัทไฟเซอร์ได้หมดอายุลงในปี 2013 นั่นหมายความว่าใครจะนำองค์ความรู้ดังกล่าวไปผลิตยาก็ได้ องค์กรเภสัชจึงสนองความต้องการของผู้ป่วยที่ต้องการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศด้วยการผลิตยาซิเดกร้า (Sidegra) ออกมาขาย ตัวยา 50 มิลลิกรัมและ ตัวยา 100 มิลลิกรัม
 

มาตรการควบคุมขององค์การอาหารและยา

สำหรับยาซิเดกร้า (Sidegra) นี้ได้ผ่านมาตรฐาน อย. แล้ว โดยถูกกำหนดให้เป็นยาที่จะซื้อได้ก็ต่อเมื่อมีใบสั่งแพทย์ อีกทั้งยังกำหนดมาตรการควบคุมยาดังกล่าวไว้ 5 ข้อด้วยกัน คือ 1. ผู้ประกอบการต้องควบคุมการกระจายของยา ไม่ให้เผยแพร่ไปในที่ที่ไม่เหมาะสมแลไม่อาจควบคุมได้ 2. ต้องรายงานการขายยาให้ อย. ทราบ 3. ต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคเข้าใจ เช่น ในเรื่องของการใช้ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ตลอดจนข้อเสียและผลกระทบของยา 4.อบรมและฟื้นฟูความรู้เภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยานี้ 5. ผู้ประกอบการต้องสนับสนุนให้มีใบสั่งยาจากแพทย์จึงจะขายยา ซิเดกร้า (Sidegra) ทุกครั้ง

ใช้ได้ผลจริงหรือเปล่า

            เมื่อขึ้นชื่อว่า Made in Thailand มักมีผู้คลางแคลงใจว่ายาซิเดกร้า (Sidegra) จะใช้ได้ผลหรือไม่ ความจริงแล้วยาซิเดกร้า (Sidegra) เป็นตัวยาซีเดนาฟีลเช่นเดียวกับไวอากร้า โดยได้รับตัวยามาจากที่บริษัทไฟเซอร์ได้อธิบายไว้ในขั้นตอนการขอรับสิทธิบัตร จากผู้ที่ใช้ยานี้พบว่าให้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้จริง

วิธีรับประทานยาซิเดกร้า

            ควรรับประทานยาก่อนมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากเป็นยาเม็ดจึงต้องดื่มน้ำมากๆ เพราะตัวยาต้องทำละลายในน้ำ และน้ำจะเป็นตัวลำเลียงยาเข้ากระแสเลือด แต่ห้ามดื่มแอลกอฮอลล์เพราะจะทำให้ฤทธิ์ของยาอ่อนลงหรือไม่อาจเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้เลยทีเดียว

ข้อควรระวังสำหรับยา ซิเดกร้า (Sidegra) คือ ห้ามรับประทานเกินวันละ 100 มิลลิกรัม และไม่ควรรับประทานเป็นประจำทุกวันเพราะยามีผลต่อความดันโลหิตและการทำงานของหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานเสมอ สำหรับผู้ป่วยเกี่ยวกับไตและตับอาจต้องใช้วิธีการบริหารยา (ลดประมาณยาลง) ตามแพทย์สั่ง แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานสามารถใช้ยาซิเดกร้า (Sidegra)ได้ตามปกติ